อาหารที่ลูกน้อยควรหลีกเลี่ยง
เมื่อลูกน้อยเลยวัยหกเดือนแล้ว คุณแม่สามารถให้ลูกทานอาหารได้หลากหลายขึ้น แต่ต้องระวังเนื่องจากระบบการทำงานของไต และระบบภูมิคุ้มกันยังพัฒนาได้ไม่เต็มที่ ดังนั้นคุณแม่ต้องระวังไม่ให้ลูกน้อยทานอาหารเหล่านี้มากเกินไป
1. เกลือ
ไตของเด็กทารกยังพัฒนาไม่เต็มที่ หากได้รับเกลือมากเกินความสามารถในการกำจัด จะทำให้ไตต้องทำงานหนักดังนั้นการเติมเกลือลงไปในอาหารของลูกจึงอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อลูกน้อยได้ อย่าใส่เกลือมากเกินไป และถ้าลูกน้อยทานอาหารพร้อมหน้ากับครอบครัว ให้แยกอาหารส่วนของลูกออกก่อน (หรือคุณอาจแบ่งใส่ช่องแช่แข็งไว้ก็ได้) แล้วจึงค่อยเติมเกลือในอาหารส่วนของผู้ใหญ่
ในเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 1 ปี ควรได้รับปริมาณเกลือไม่เกิน 1 กรัมต่อวัน ให้ระวังอาหารทีมีรสเค็มหรืออาหารสำเร็จรูป (ปริมาณเกลือที่จำกัดมีไว้สำหรับผู้ใหญ่ ไม่ใช่สำหรับเด็ก ดังนั้นอาหารเหล่านี้จึงไม่เหมาะที่จะให้เด็กรับประทาน)
เกลือที่มองไม่เห็น
ซุปก้อนและผงเกรวี่สำเร็จรูปมีปริมาณเกลือที่สูงมาก ไม่ควรนำมาปรุงอาหารให้ลูกน้อย นอกจากนี้อาหารสำเร็จรูปอาจมีรสหวานนิดหน่อยแต่กลับมีปริมาณเกลือสูงมาก คุณแม่ควรอ่านฉลากให้ดีเพื่อให้มั่นใจได้ว่าลูกรักของคุณไม่ได้รับปริมาณเกลือที่มากเกินไป
2.น้ำตาล
ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องใส่น้ำตาลลงไปในอาหารของลูก เด็กๆ จะได้รับน้ำตาลธรรมชาติจากผลไม้ คุณแม่อาจเติมนมแม่หรือนมผงลงในอาหารมื้อแรกๆ ของลูกเพื่อเพิ่มความหวาน หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีรสหวานหรือลูกอม ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคอ้วนและโรคฟันผุ
น้ำตาลที่มองไม่เห็น
อาหารสำเร็จรูปและอาหารห่อกลับบ้านมีปริมาณน้ำตาลสูงมาก โดยทั่วไปมักพบในรูปน้ำเชื่อมข้าวโพดแบบฟรุคโตส (fructose corn syrup) ร่างกายจะเผาผลาญน้ำตาลเหล่านี้ได้ยากและสุดท้ายก็จะเปลี่ยนเป็นไขมัน มีหลักฐานมากมายที่ชี้ว่าน้ำตาลที่มองไม่เห็นเหล่านี้เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคอ้วนเพิ่มมากในโลกตะวันตกนับแต่กลางศตวรรษที่ 20
3.ถั่ว
ไม่ควรให้ลูกน้อยกินถั่ว เพราะอาจเสี่ยงต่อการสำลักได้ ทางที่ดีควรให้หลังอายุครบหกเดือน แต่ถ้าในครอบครัวของคุณมีประวัติเป็นโรคภูมิแพ้ คุณแม่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนให้ลูกทาน
4.น้ำผึ้ง
บางครั้งน้ำผึ้งก็มีสปอร์ของแบคทีเรีย Clostridium botulinumซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อทารก เพราะสปอร์นี้สามารถแปลงเป็นแบคทีเรียที่ผลิตสารพิษ ทำให้เด็กทารกป่วยหนัก ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงน้ำผึ้งจนกว่าลูกน้อยจะอายุครบ 1 ขวบ นอกจากนี้น้ำผึ้งยังเต็มไปด้วยน้ำตาลซึ่งสามารถทำให้ฟันผุได้
5.อาหารไขมันต่ำหรืออาหารลดความอ้วน
เด็กทารกต้องการอาหารที่มีไขมัน เพื่อใช้ในการพัฒนาสมองและสายตา กรมอนามัยแนะนำให้เด็กทารกดื่มนมที่มีไขมัน, โยเกิร์ตและชีส นอกจากนี้อาหารไขมันต่ำมักจะมีน้ำตาลจำนวนมากเพื่อ'ปรุงแต่ง' รสชาติให้ดีขึ้น และน้ำตาลที่ใส่เพิ่มมานี้ก็ไม่มีผลดีสำหรับเด็กๆ เลย
6.ปลาผู้ล่า
ปลาที่อยู่ด้านบนสุดของห่วงโซ่อาหาร (ปลากินเนื้อ หรือปลาทะเลขนาดใหญ่) จะสะสมสารปรอท ซึ่งส่งผลเสียต่อการพัฒนาสมองและระบบประสาท ดังนั้นจึงไม่แนะนำให้ลูกน้อยของคุณรับประทานปลาเหล่านี้ เช่น ปลาฉลามปลากระโทงเทง (marlin) และปลากระโทงเทงดาบ (swordfish) ปริมาณของสารปรอทในปลาเหล่านี้จะมีผลเสียต่อการเจริญเติบโตของระบบประสาทของทารก
7.หอยดิบ
ในหอยดิบอาจมีเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดอันตรายและก่อให้เกิดโรคอาหารเป็นพิษที่รุนแรง ทารกมีระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอกว่าผู้ใหญ่ดังนั้นกรมอนามัยไม่แนะนำให้เด็กเล็กรับประทานหอยดิบ เช่น หอยนางรม
8.ไข่ดิบ
เมื่อลูกน้อยอายุ 6 เดือนขึ้นไป คุณแม่สามารถให้ทานไข่ได้ แต่ต้องให้ด้วยความระมัดระวังเพราะไข่เป็นอาหารที่ก่อให้เกิดการแพ้สูง คุณแม่ควรปรุงไข่ให้สุกเสียก่อน (ทั้งไข่ขาวและไข่แดง) จนกว่าลูกน้อยจะอายุครบ 1 ขวบ เนื่องจากเด็กๆ อาจได้รับเชื้อแบคทีเรียซาลโมเนลาที่ทำให้เกิดโรคอาหารเป็นพิษได้ นอกจากนี้ยังควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีส่วนผสมของไข่ดิบ เช่น ช็อคโกแลตมูส และมายองเนส
Credit: http://www.tescolotus.com/tescolovebaby/tips_detail.php?article_id=6
หน้าที่เข้าชม | 195,411 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 111,832 ครั้ง |
เปิดร้าน | 6 ก.ค. 2557 |
ร้านค้าอัพเดท | 6 ก.ย. 2568 |