เมื่อลูกเริ่มนั่งเก่ง ของเล่นเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของเล่นสามารถเป็นตัวช่วยเราให้ลูกฉลาด แต่อย่าคาดหวังว่าลูกจะเล่นของเล่นอย่างสนุกสนานด้วยตัวเขาเอง โดยไม่ต้องมีเราเล่นด้วย
เพราะของเล่นไม่ใช่เครื่องเล่น
แต่.....หากลูกชอบกดปุ่มเพื่อฟังเสียงร้องของสัตว์
หากลูกชอบกดปุ่มเพื่อเต้นตามเสียงเพลงที่ดังออกมา
หากลูกชอบมองรถไฟที่วิ่งอยู่บนราง
ของเล่นกลุ่มนี้ทำหน้าที่เหมือนเครื่องเล่น แบบนี้ลูกอาจเพลิดเพลินได้โดยไม่มีเรา
เมื่อการเล่นของลูกไม่ต้องมีเรามากเท่าไร เรายิ่งมีบทบาทกับการเล่นของลูกน้อยลงเท่านั้น
เมื่อเราเล่นร่วมกับลูกน้อยลงมากเท่าไร ลูกก็จะสนใจฟังเราน้อยลงมากเท่ากัน
แล้วเมื่อลูกเจอของเล่นที่ไม่ใช่เครื่องเล่นหละ
เมื่อเจอหนังสือ ลูกก็คงอยากเล่นหนังสือมากกว่านั่งฟังแม่เล่า (ลูกจึงชอบฉีกและขยำมัน)
เมื่อเห็นไม้บล็อคหรือตัวต่อ ลูกก็คิดอยากเอาเข้าปากหรืออยากโยนมากกว่าสนใจที่แม่พูด
เมื่อลูกอยากเล่นแบบที่ลูกต้องการ แล้วแม่หละจะเข้าไปในการเล่นลูกได้อย่างไร
เมื่อลูกคิดแต่อยากจะออกนอกบ้าน ก็คงยากที่จะดึงลูกไว้
เมื่อลูกชอบวิ่ง ปีนป่าย เป็นชีวิตจิตใจ เสียงชวนเล่นของแม่ก็คงไม่สามารถทัดทานได้
อย่ามีของเล่นที่เป็นเครื่องเล่นมากจนปิดโอกาสเรากับลูก
หากมีแล้ว....จงนำมาสร้างโอกาสในการมีปฏิสัมพันธ์ เช่น ร่วมเต้น ร่วมร้องเพลง ร่วมออกเสียงรถไฟ ปู้นๆ
ระลึกไว้ว่า อย่าซื้อของเล่นมาให้เป็นแค่เครื่องเล่น
อย่าคาดหวังว่าลูกจะสนใจและมีสมาธิกับของเล่นที่ไม่สนุกด้วยตัวมันเอง อย่าคาดหวังว่าลูกจะฟังนิทานหรือนั่งหยอดก้อนไม้ได้โดยที่เราไม่ต้องมีปฏิสัมพันธ์กับลูกมากๆมาก่อน
หากเราเริ่มรู้สึกแย่งซีนของเล่นไม่ได้ ลูกสนใจฟังเราน้อยกว่าของเล่น ลูกสนใจออกข้างนอกมากกว่าเล่นกับเรา ลูกสนใจขยำหนังสือมากกว่าฟังเราอ่าน
ถึงเวลาแล้วที่จะหันมาเล่นกับลูกอย่างมีปฏิสัมพันธ์ สนุกสนาน มีชีวิตชีวาและมีความเป็นผู้นำในการกระตุ้นลูกคิด ช่วยแก้ปัญหา หาคำตอบกับสิ่งที่ลูกทำอยู่ตรงหน้า
ถึงเวลาแล้วที่จะเข้าใจว่า “ของเล่นที่จะกระตุ้นสมองลูกได้ดีที่สุด ไม่ใช่ของเล่น.....แต่คือพวกเราเองต่างหาก”
credit: https://www.facebook.com/pages/พญเสาวภา-พรจินดารักษ์/237160756408180?fref=photo
หน้าที่เข้าชม | 195,411 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 111,832 ครั้ง |
เปิดร้าน | 6 ก.ค. 2557 |
ร้านค้าอัพเดท | 6 ก.ย. 2568 |